เอกสารที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการสมัครทุนคือจดหมายรับรองหลายคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญแต่ที่จริงจดหมายรับรองมีผลต่อใบสมัครของเรามากทีเดียวนะ และกรรมการของฟุลไบรท์ก็ชอบอ่านจดหมายรับรองกันด้วยอ่านกันจริงจังพอกับอ่าน SOPและ SP เลยเชียวจดหมายรับรองที่ดีจะช่วยให้กรรมการได้รู้จักแง่มุมอื่น ๆ ของผู้สมัครซึ่งอาจจะช่วยย้ำจุดเด่น หรือช่วยให้เห็นคุณสมบัติบางอย่างที่กรรมการมองหาดังนั้นจดหมายรับรองจึงไม่ใช่แค่แบบฟอร์มลงลายเซ็น การเลือกคนเขียนจดหมายรับรองจึงสำคัญมากพอๆ กับการช่วยเตรียมข้อมูลให้กับคนเขียนมาดูกันว่าประสบการณ์ของฟุลไบรท์บอกอะไรเราบ้าง
อย่างแรกเลยการเลือกคนเขียนจดหมายรับรองไม่จำเป็นต้องเลือกคนมีตำแหน่งสูง ๆ หรือคนดังถ้าคน ๆนั้นไม่รู้จักเราดี เพราะตำแหน่งและความดังไม่ได้ทำให้จดหมายรับรองมีน้ำหนักเท่าเนื้อหาเราอาจจะเลือกอาจารย์ที่รู้จักเราจริง ๆ ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาก็ได้หรือถ้าเป็นที่ทำงาน ในหน่วยงานใหญ่ ๆ บางแห่งเราอาจจะมีเพื่อนร่วมงานที่รู้จักเรามากกว่าหัวหน้างานเช่นคนที่คอยสอนงานเราและเห็นเรามาตั้งแต่ต้น ในกรณีที่มีประสบการณ์ทำงาน ขอแนะนำให้คนเขียนจดหมายรับรองเป็นอาจารย์คนนึงและคนจากที่ทำงานคนนึงจะได้ช่วยเน้นศักยภาพของเราทั้งในด้านการเรียนและการทำงาน แต่!!!! ต้องไม่ใช่คนในครอบครัวหรือญาติสนิทถึงแม้ว่าจะเป็นอาจารย์หรือหัวหน้างานของเราก็ตามอันนี้ถือว่าสนิทกันเกินไปจนเกิดความลำเอียงได้
เมื่อเลือกคนได้แล้วเราก็ควรจะมีตัวช่วยให้ด้วย โดยการเตรียมเอกสารหรือข้อมูลประกอบ เช่น
1. transcripts
2. ข้อมูลโครงการงานวิจัย paperของเราที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะไปเรียน
3. ร่าง SOP และ/หรือ SP
4. CV หรือ resume
5. ลิสต์ประเด็นสำคัญๆ ที่อยากให้กรรมการรู้เกี่ยวกับเรา ซึ่งควรจะเกี่ยวกับทุนและโปรแกรมที่จะไปเรียนรวมทั้งเป้าหมายในอนาคต
6. ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับจดหมายรับรองเช่น ต้องส่งทางไหน มีฟอร์มรึเปล่า จำกัดจำนวนคำหรือไม่ กรณีของฟุลไบรท์ ตอนนี้ทุน TGS เรารับ
เฉพาะจดหมายรับรองที่ส่งเข้าระบบเท่านั้นผู้สมัครอาจจะ ต้องทำความเข้าใจและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคกับคนเขียนนิดนึงเพื่อกันการ
ผิดพลาด
7. เน้น deadlineว่าต้องส่งเมื่อไหร่ วันไหน กี่โมง ที่ต้องเน้นเรื่องนี้เพราะเมื่อถึงเวลาปิดรับสมัครระบบจะตัดอัตโนมัติ เอกสารที่ส่งหลังจากนั้นจะ
ไม่ได้รับการผิดจารณาหลายครั้งที่เอกสารรับรองส่งมาหลัง เวลาปิดรับสมัคร ทำให้ใบสมัครนั้นไม่สมบูรณ์และถูกตัดสิทธิ์ไปอย่างน่าเสียดาย
นอกจากนี้เราควรติดต่อคนเขียนแต่เนิ่น ๆ เพราะการเขียนจดหมายรับรองต้องใช้เวลาพอสมควรประมาณเดียวกับที่เราเขียน SOP และ SP นั่นแหละ และเมื่อส่งจดหมายรับรอง ส่งใบสมัครเรียบร้อยแล้วอย่าลืมขอบคุณและแจ้งความคืบหน้ากับคนเขียนด้วย เขาจะได้รู้ว่าที่เขียนให้ไปแล้วผลเป็นยังไงเราได้หรือไม่ได้ และเราตัดสินใจรับทุนนั้นหรือมหาวิทยาลัยนั้นรึเปล่า
รู้แบบนี้แล้วรีบวางแผนได้เลยจะขอให้ใครเป็นคนเขียน เตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมจะสมัครทุนหรือสมัครเรียนเราจะได้เริ่มได้ทันที