เคยรู้สึกมั๊ยว่าพิพิธภัณฑ์ยุคนี้เป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นทุกครั้งที่แวะไปก็จะมีอะไรใหม่ ๆ ให้ค้นหาและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาต้องยกเครดิตให้ความก้าวหน้าของสาขา museum studies หรือ museologyซึ่งเป็น interdisciplinary ที่ครอบคลุมศาสตร์หลายด้านมากๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์โดยตรงอย่าง history,anthropology, archeology, art ไปจนถึงด้านอื่น ๆที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวเช่น communication,management, และ technology หลักสูตรที่เปิดสอนก็เลยหลากหลายตามไปด้วย
พี่นอร์ท รณกฤต โรจน์ยินดีเลิศเป็นคนแรกที่ได้ทุนฟุลไบรท์ไปเรียนด้านนี้ พี่นอร์ทเลือกสาขา Museum Exhibition Planning and Design ที่ University of Artsฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นเหมือนการรวม 4 degree เข้าด้วยกันคือ 1) architecture 2) graphic design 3) non-fiction writing และ 4) education อาจจะดูเยอะนิดหน่อยแต่ทั้งหมดนี้อยู่ในบริบทของนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ และเป็นพื้นฐานที่สำคัญของงานพิพิธภัณฑ์ดังนั้นเมื่อเรียนจบไปก็สามารถต่อยอดจากพื้นฐานเหล่านี้ได้เลย อย่างพี่นอร์ทก็จะ specialize ด้าน exhibition graphic design and 3D design ซึ่งความตั้งใจของพี่นอร์ทคือ อยากจะให้นิทรรศการที่ออกแบบมาสามารถทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกสนุกตื่นเต้น และจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องราวและสิ่งของจัดแสดงได้ ซึ่งพี่นอร์ทก็ถือว่านั่น impactful แล้ว
ถามว่ามีมหาวิทยาลัยแนะนำมั๊ย พี่นอร์ทตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่มีเพราะงานพิพิธภัณฑ์นั้นกว้างมาก คนหนึ่งคนอาจจะทำงานหลายอย่างตำแหน่งเดียวกันในพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ไม่เหมือนกันคนในวงการหลายคนก็ไม่ได้เรียนด้านพิพิธภัณฑ์มาด้วยซ้ำ วงการพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้ใหญ่มากแล้วก็ไม่มีใครสนใจว่าใครจบที่ไหนมา เพราะมันหลากหลายมากจริง ๆ
พี่นอร์ทบอกว่าการเลือกมหาลัยสำหรับสาขานี้เป็นการเสี่ยงดวงอย่างนึงเพราะเป็นสาขาเกิดใหม่ เพิ่งจะมีขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง ไม่ได้มีอาจารย์ที่สอนมาเป็นสิบๆ ปี หรือมีตำราแม่บทที่ทุกสำนักใช้เหมือนศาสตร์อื่น ๆอาจารย์ที่สอนก็คือคนในวงการ บางคนก็ลาออกจากงานพิพิธภัณฑ์มาเป็นอาจารย์แล้วก็ลาออกไปทำงานพิพิธภัณฑ์ใหม่ turnover rate จะสูงหน่อย
สำหรับพี่นอร์ทเอง แม้ว่า University of the Arts จะมีสาขา Museum Studies ด้วยแต่พี่นอร์ทเจาะจงเลือก Museum Exhibition Planning and Design เพราะรู้สึกว่าเป็นสาขาที่ well-roundedมาก ๆ เพราะด้วยเวลาแค่ 2 ปีสิ่งที่ได้จากหลักสูตรนี้สามารถทำให้พี่นอร์ทก้าวเข้าสู่วงการพิพิธภัณฑ์ ที่ต้องทำหน้าที่มากมายได้อย่างไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่นอร์ทตบท้ายว่าเป็นเพราะได้อาจารย์ดีด้วย ดั้งนั้นการเลือกมหาวิทยาลัยก็จะต้องทำการบ้านมาก ๆ หน่อย
ฟังพี่นอร์ทแล้ว พี่ ๆ ก็ลองไปหาข้อมูลว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้างแล้วก็ได้มา 6 ที่ตามนี้
1. Museum Exhibition Planning and Design (MEDP) และ Museum Studies, University of the Arts
คือมหาวิทยาลัยที่พี่นอร์ทเรียนอยู่โดยทั้งสองสาขาจะต่างกันตรงที่ MEDP จะเน้น storytellingและการใช้ tools ต่าง ๆเพื่อออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ ขณะที่ Museum Studies จะเน้นด้านeducation and audience engagement
https://www.uarts.edu/academics/graduate-programs
2. Museum Studies, College of Liberal Arts and Sciences, Arizona State University, Tempe
เน้นศึกษาบทบาทและความหมายของพิพิธภัณฑ์ในสังคมปัจจุบัน
https://thecollege.asu.edu/degree/graduate/ma-museum-studies
3. Conservation and Art History, the Institute of Fine Art, New York University
เป็น dual-degree(MS/MA) ที่เดียวในประเทศ ใช้เวลาเรียน 4 ปี(3 ปีเป็น course work อีก 1 ปีเป็น internship) พร้อม funding package ที่น่าสนใจ
https://ifa.nyu.edu/prospective/conservation.htm
4. History with Concentration in Museum Studies, Department of History, University of North Carolina, Greensboro
เน้นทำงานร่วมกับ local community ผ่านการทำโครงการร่วมกัน
https://his.uncg.edu/museumstudies/
5. Museum Studies, Krieger School of Art sand Sciences, John Hopkins University
เน้นนวัตกรรมในการใช้เทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้เกิดพิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต
museum-studies.jhu.edu
6. Art and Museum Studies, Department of Art and Art History, Georgetown University
เน้นบริบทความเป็นสากลของพิพิธภัณฑ์การศึกษาทางวิชาการใหม่ ๆ ที่มีผลต่อการจัดแสดงและการตีความของพิพิธภัณฑ์
https://art.georgetown.edu/programs/museum-studies/
เกือบทุกแห่งจะไม่กำหนดว่าผู้สมัครต้องจบด้านไหนมาแต่ถ้าเราอยาก specialize ด้านไหนแล้วมีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องมาบ้างก็จะทำให้ใบสมัครของเรามีน้ำหนักขึ้น เหมือนพี่นอร์ทที่เลือกสาขา Museum Exhibition Planning and Design และมีพื้นฐานด้าน graphic design, architecture,illustration, art history, non-fiction writing มาก่อน
ใครที่สนใจจะเรียนด้านนี้พี่นอร์ทก็มีคำแนะนำให้ คือแค่รู้ว่าชอบพิพิธภัณฑ์ อยากทำงานในพิพิธภัณฑ์ อยากทำให้พิพิธภัณฑ์ดีขึ้นยังไม่พอนะ ต้องตอบให้ได้ว่าตัวเองอยากทำงานส่วนไหน เหมือนบอกได้ว่าชอบโรงพยาบาล ชอบช่วยเหลือคนแต่ตอบไม่ได้ว่าอยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็นเภสัชกร หรือเป็นนักโภชนาการเพราะฉะนั้นต้องทำการบ้านเยอะ ๆ ก่อน ไปพูดคุยกับคนในวงการพิพิธภัณฑ์ ลองถามว่าเขาทำอะไรบ้างแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าเราอยากทำอะไร เห็นภาพตัวเองทำอะไรในพิพิธภัณฑ์เพราะบางตำแหน่งก็ไม่ต้องเรียน museum studies ก็ได้ ถ้าหลงใหลในโครงกระดูกใดโนเสาร์ก็ไปเรียนบรรพชีวิทยาถ้าชอบของเก่าของขุดก็ไปเรียนโบราณคดี ถ้าอยากเป็น art curator ไปเรียน art history ถ้าอยากออกแบบการเรียนการสอนในพิพิธภัณฑ์ไปเรียนmuseum education แต่ถ้าอยากออกแบบนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ก็มาเรียน museum exhibition planning and design เหมือนพี่นอร์ทได้
ขอบคุณพี่นอร์ทสำหรับข้อมูลและคำแนะนำดี ๆ ใครสนใจจะลองไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ใกล้ตัวก่อนก็ได้นะค่อย ๆ หาตัวเองและหาข้อมูลไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้ได้สิ่งที่ใช่สำหรับเรา