ในช่วง Meet theFulbrihgters ที่ผ่าน ๆ มา มีคำถามน่าสนใจมากว่าอะไรคือลักษณะร่วมของคนฟุลไบรท์ ซึ่งทั้ง alumni และ granteesของเราก็ตอบกันได้ทันทีไม่มีลังเลหรือหยุดคิด โดยคำตอบก็ออกมาในลักษณะเดียวกันสามารถจับเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 4 กลุ่ม นั่นก็คือ

1.       รู้จักตัวเองดี

นักเรียนทุนฟุลไบรท์โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในรุ่น แต่เป็นคนที่รู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มี strong passion กับเรื่องนั้น ประมาณว่าพอได้คุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจตาก็จะเป็นประกายขึ้นมาทันที และพอรู้ว่าตัวเองอินกับอะไรแล้ว ก็จะรู้ว่าอยากเรียนอะไรกลับมาแล้วจะทำอะไร มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งความเป็น ‘true self’ แบบนี้จะทำให้ออร่าแต่ละคนแรงมากจนกรรมการรับรู้ได้ เรื่อง strongpassion นี้ หลายคนบอกว่าไม่ได้เป็นกันแค่ฟุลไบรท์ไทย แต่ฟุลไบรท์ชาติอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน

2.       มีการพัฒนาอยู่เสมอ

นอกจากรู้จักตัวเองดีแล้วนักเรียนทุนฟุลไบรท์ยังเหมือนกันตรงกล้าที่จะออกนอก comfort zone เพื่อการเติบโตทางปัญญา เป็นคนที่เปิดใจกว้างในการ unlearn สิ่งที่เคยรู้ เคยเรียน เคยเข้าใจ ยอมรับได้ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หรือมองได้จากมุมอื่น จากนั้นก็ relearn สิ่งใหม่ๆ แง่มุมใหม่ ๆ ทำให้มองได้กว้าง ได้ไกล ได้ลึกซึ้งขึ้น

3.     มี People skills

นักเรียนทุนฟุลไบรท์หลายคนไม่ใช่คนพูดเก่งแต่ทุกคนมีทักษะทางสังคมที่ดี เข้าได้กับคนอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายสามารถสื่อสารให้คนเข้าใจ (ลองนึกภาพว่าตอนสอบสัมภาษณ์ต้องสามารถอธิบายให้กรรมการที่มาจากสายอื่นเห็นภาพโปรเจคอันซับซ้อนของเราภายในเวลา 1 นาที) เป็น story teller และ conversationistที่ทำให้การสนทนาดำเนินไปอย่างสนุกแบบมีสาระ เวลานั่งฟังน้อง ๆ ฟุลไบรท์คุยกัน พี่ๆ ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับเรื่องใหม่ ๆ ที่เพิ่งรู้ หรือไม่ก็ทึ่งว่าคิดได้ยังไงเนี่ย

4.     มี purpose ที่ใหญ่กว่าตัวเอง

ไม่ว่าจะมาจากสาขาไหน อาชีพอะไรนักเรียนทุนฟุลไบรท์มักจะสนใจความเป็นมาเป็นไปในสังคม ในโลกและเชื่อมโยงเข้ากับตัวเอง คิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง ต้องการที่จะมีส่วนช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นใน capacityของตัวเอง ไม่ได้ aim ใหญ่แบบจะกู้โลกแต่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่ตัวเองยืนอยู่ เช่นรณรงค์ให้คนรอบตัวลดขยะพลาสติกเพราะทำงานไปสักพักแล้วพบว่ากว่าครึ่งของสัตว์ทะเลที่ตายเกิดจากการกินขยะพลาสติกหรือแม้แต่คนที่ทำงานในบริษัทเอกชน ก็สามารถมี contribution ให้กับสังคมได้ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมหรือการทำธุรกิจแบบรับผิดชอบต่อสังคมนอกจากนี้การที่เราเรียนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในสายของตัวเอง ก็เป็น contributionอย่างนึงต่อสาขาวิชาและวิชาชีพทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีทั้ง caring และ sharing สอดคล้องกับสโลแกนของฟุลไบรท์ไทยที่ว่า “Caring leaders across culture”

ทั้งหมดนี้คือลักษณะร่วมที่น้อง ๆฟุลไบรท์ reflectกันให้ฟัง และพี่ ๆ ขอเติมอีก 2 ข้อเท่าที่คิดได้เร็ว ๆ ตอนนี้คือมีความเป็น Fulbright Familyไม่ว่าจะเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า แต่พอมาเป็นฟุลไบรท์ด้วยกันก็เหมือนรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อนคลิกกันเร็วมาก นอกจากนี้แต่ละคนยังมีจิตอาสาสูงมาก เนื่องจากมูลนิธิฯ เป็น nonprofitที่อาศัย volunteer เป็นหลักในการคัดเลือกใบสมัครสัมภาษณ์ และทำกิจกรรม เราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ น้อง ๆ เป็นระยะ ๆซึ่งแต่ละครั้งก็แทบไม่มีใครปฏิเสธ ยกเว้นที่ติดจริง ๆ  

เขียนไปเขียนมาก็เหมือนอวยกันเองแต่ที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้จริง ๆ นะ ถ้าใครรู้ตัวมีคุณสมบัติแบบนี้ขอเชิญชวนให้มาสมัครทุนฟุลไบรท์กัน เรามีทุนหลายประเภทสำหรับหลายเงื่อนไขของชีวิตลองเข้าไปดูในเว็บไซด์ได้เลย www.fulbrightthai.org

‍